มีการคาดการณ์จากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ว่า “จีน” จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2015 – 2025 และในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าจะเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกด้วย หลังจากที่เศรษฐกิจจีนสะดุดล้มจนหยุดชะงักไปพักใหญ่ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม ค.ศ. 1966 – 1976 มังกรที่หลับใหลก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยุคของการที่ผู้นำคนใหม่คือ เติ้ง เสี่ยว ผิง หลังจากที่เติ้ง เสี่ยว ผิงขึ้นเป็นผู้นำก็ได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจีนใหม่ ที่มีนโยบายการพัฒนา 4 ทันสมัย คือ
1. ด้านการเกษตร
2. ด้านอุตสาหกรรม
3. ด้านการทหาร
4. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จีนยังเริ่มมีการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ และการลงทุนจากกลุ่มทุนต่างชาติที่เข้ามาพัฒนาด้านอุตสาหกรรมนั้น ดูเหมือนจะเป็นการติดปีกให้มังกรที่เพิ่งตื่นพร้อมที่จะโบยบินไปรอบโลก เพราะเศรษฐกิจและการค้าจีนขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ จนกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก ธนาคารโลกเคยบอกไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “ไม่ว่าอะไรที่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจจีน มันจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจโลก”
ลุกด้วยนโยบายไปถึงฐานราก China Factor
จีนเคยประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมาแล้วทุกรูปแบบ แน่นอนว่าถ้าหากเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและปัญหาอื่น ๆ คือปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำของรายได้ การจ้างงาน ปัญหาคอร์รัปชั่น จีนพิสูจน์ให้เป็นประจักษ์ต่อสานตาชาวโลกแล้วว่า จีนเป็นประเทศที่แก้ไขปัญหาลดประชากรที่ยากจนจาก 16% เหลือเพียง 10% ในช่วงปี 2001 -2004 ซึ่งปัญหาเล่านี้อเมริกาและยุโรปยังไม่สามารถทำได้เหมือนจีน
จีนเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน ด้วยประชากรที่มีมากขนาดนี้จึงไม่ง่ายเลยในการบริหารจัดการภายในประเทศ หากเดินหมากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวอาจส่งผลกระทบในระยะยาว ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้จีนเองมีเป้าหมายที่จะเดินไปข้างหน้าโดยใช้ทรัพยากรคนที่มีจำนวนมากเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ ด้วยการตั้งเป้าเพิ่มการจ้างงาน ส่งเสริมและพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพ และนโยบายนี้เองทำให้จีนกลายเป็น “Engine of Growth of Asia” เครื่องจักรกลของการเติบโตของเอเชีย จีนกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตสูงมาก ยิ่งผลิตจำนวนมากราคายิ่งถูก “Economies of scale” ทำให้จีนสามารถครองตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
Made in china
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโต แต่นั่นก็กับกลายเป็นว่าจีนสร้างปัญหาให้กับสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เป็นอย่างมากเพราะจีนผลิตสินค้า Me too คือ “ใครทำอะไรเราทำด้วย” และถ้าจีนเริ่มผลิตสินค้าเมื่อไหร่ ราคาของสินค้าชนิดนั้นจะถูกมาก ถูกกว่ามหาศาลเลยทีเดียว และในบ้านเรามีสินค้าที่มาจากจีนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้าน ฯลฯ และด้วยราคาที่ถูกมาก ๆ ทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายและรวดเร็ว แต่เรื่องคุณภาพก็คงต้องเลือกกันให้ดีเพราะตาดีได้ตาร้ายเสีย ส่วนพวกสินค้าเลียนแบบคงไม่ต้องอธิบายมากหลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว
กำไรแบบจีน China’s Price
ไม่ว่าสินค้าประเภทไหนก็ตามที่บอกว่ามาจากจีนสิ่งแรกที่เด้งเข้ามาในหัวเลยก็คือ ถูก! และอีกข้อที่ตามมาคือแล้วคุณภาพล่ะ? หลายคนคงเคยคิดวิเคราะห์กันเล่นๆว่าราคาที่ขายถูกขนาดนี้ ราคาต้นทุนผลิตมันเท่าไหร่กัน เพราะคำว่า “Economies of scale” เลยทำให้จีนสามารถทำต้นทุนได้ต่ำสุด เพราะฉะนั้นพ่อค้าที่นำของมาขายจะคิดคำนวณกำไรขาดทุนแบบต่อล็อตนั้น เช่นถ้าคุณลงทุนขายข้าวแกง 1,000 บาท เมื่อไหร่ที่คุณขายมาถึงจุดคืนทุน 1,000 แล้ว ข้าวแกงจานต่อไปจะขายราคายังไงปริมาณมากน้อยขนาดไหนก็ได้เพราะมันคือกำไรของคุณแล้ว วิธีคิดแบบนี้มันยิ่งทำให้คุณขายง่ายและขายเร็วมากขึ้น และไม่ต้องมายืนขายให้ขาแข็งเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ถ้าหากว่าคุณมีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศจีนเมื่อไหร่ ลองดูของที่พวกคุณซื้อดูสิว่าราคาของคนที่ซื้อหลังจากคุณ เขาซื้อในราคาเท่าไหร่มันจะถูกกว่าตอนคุณซื้อหรือไม่
นิสัยผู้คนแดนมังกร
จากการที่มีประชากรจำนวนมากสอดคล้องกับนโยบายการจ้างงานแล้วพัฒนาแรงงานของรัฐแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนจีนลูกหลายส่วนใหญ่มักถูกปลูกฝังเรื่องของความ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีวินัย ถือเป็นอุดมการณ์ของครอบครัวคนจีนทุกครอบครัว ความขยันของคนจีนคงไม่ต้องอธิบายมากเพราะบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ที่เรารู้จักล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานแดนมังกร และทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ในบทสัมภาษณ์ใจความคือการไม่รังเกียจงาน ความขยันและความอดทน ที่ทุกครั้งที่ล้มพวกเขามักจะลุกขึ้นทันทีและทบทวนข้อผิดพลาดแล้วเดินต่อ
ครอบครัวคนจีนไม่ว่าจะไปอยู่มุมใดของโลกก็สินให้ลูกหลานคำนับเงินแม้น้อยนิด สะสมรวมกันวันละนิดละน้อยก็ย่อมผลิดอกออกผล คนจีนเปรียบเปรยการประหยัดอดออมได้อย่างน่าสนใจ “เวลาออกไปหาปลา ไม่ว่าจะจับปลาเล็กหรือปลาน้อยให้จับใส่ลงถังไว้ก่อนมิใช่ปล่อยไป ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าในน้ำนี้มีปลาใหญ่ เพราะใครจะรู้เล่าว่าปลาใหญ่นั้นจะมากินเหยื่อ” โอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางธุรกิจเป็นเรื่องที่ลูกหลานแดนมังกรไม่เคยมองข้ามแล้วปล่อยผ่านไป เขามักจะคว้าไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองมานั่งเสียใจภายหลัง
มังกรจะบินไปไหนต่อ
ถึงแม้ในช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมาจีนเป็นโรงงานผลิตของโลกและดูเหมือนว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่จีนกำลังทำและก้าวไปข้างหน้าดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องการที่จะเป็น “Engine of Growth of Asia” แล้วแต่จีนกำลังพยายามลดภาพจำคำว่า “Made in China” เพราะในขณะที่โลกกำลังหมุนเวียนเข้าสู่ธุรกิจยุคดิจิตอลเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และในอนาคตจีนกำลังจะเจอวิกฤติคนที่อยู่ในช่วง “Productivity” หรือคนในวัยทำงานกำลังลดลง เหมือนที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาสังคมผู้สูงอายุอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจีนเองก็คาดไว้แล้วว่าในปี 2050 จีนจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและนั่นจะทำให้ประชากรวัยทำงานมีจำนวนน้อยลง และจีนก็ไม่ได้กำลังคิดเตรียมรับมือวิกฤติครั้งนี้อย่างไร แต่จีนกำลังลงมือทำพยายามวางรากฐานโดยใช้เรื่อง Technology , Ai , Innovation และ Creative เข้ามาใช้เป็นนโยบายลงสู่รากหญ้าเพื่อเดินไปข้างหน้าต่อไป
AUTHOR
อนุตร คงสมบูรณ์
Managing Directors Above All Online Marketing Services
GRAPHIC DESIGNER
ณัฐพงศ์ จริยะนันตกุล
Graphic Design Director Above All Online Marketing Services